รับฟังพยานหลักฐานฝ่าฝืนกฎหมาย

รับฟังพยานหลักฐานฝ่าฝืนกฎหมาย
จำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานจนล่วงเลยกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้ว เมื่อจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1 โดยเข้าใจว่าได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว และโจทก์ไม่คัดค้าน จำเลยจึงมีสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ได้ แม้โจทก์จะคัดค้านเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีศาลมีอำนาจรับฟังได้


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2552

แม้การยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลยที่ 1 จะไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 88 วรรคหนึ่งและวรรคสอง แต่เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87 (2) เมื่อพิจารณาจากคำฟ้องและคำให้การของจำเลยที่ 1 แล้วคดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า โจทก์ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของหรือในฐานะผู้เช่า ดังนี้ บัญชีระบุพยานของจำเลยที่ 1 ที่อ้างพยานบุคคลที่รู้เห็นเหตุการณ์และจำเลยที่ 1 นำพยานบุคคลดังกล่าวเข้าเบิกความคือตัวจำเลยที่ 1 กับ ผ. ผู้รู้เห็นเหตุการณ์เช่าที่ดินพิพาทและเป็นผู้เก็บรักษาส่วนแบ่งข้าวที่ทำนาได้ จึงนับว่าเป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดี การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับบัญชีระบุพยานจำเลยที่ 1 และอนุญาตให้จำเลยที่ 1 นำบุคคลดังกล่าวเข้าเบิกความจึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 87 (2)

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้พิพากษาว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 961 เลขที่ดิน 148 ตำบลโนนเพ็ด อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ 1 งาน 40 ตารางวา เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้ายุ่งเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์ และพิพากษาว่าสัญญาจำนองระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 2 เป็นโมฆะ

จำเลยที่ 1 ให้การขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ให้การขอให้ยกฟ้อง

ระหว่างพิจารณาก่อนสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ไม่ค้าน ศาลชั้นต้นอนุญาต และให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เป็นประการสุดท้ายว่า ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ยื่นบัญชีระบุพยานเมื่อล่วงเลยกำหนดเวลาตามกฎหมายและให้จำเลยที่ 1 นำพยานบุคคลเข้าสืบเป็นการชอบหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานจนล่วงเลยกำหนดเวลาตามกฎหมาย หลังจากนั้นได้ยื่นคำแถลงขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมรวม 2 ครั้ง จึงเป็นการไม่ชอบ เพราะไม่มีการยื่นบัญชีระบุพยานครั้งแรกก่อน การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับบัญชีระบุพยานของจำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบ ในปัญหาดังกล่าวข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อโจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ของจำเลยที่ 1 แล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 17 ตุลาคม 2545 ว่า คดีนี้นัดสืบพยานโจทก์วันที่ 24 มิถุนายน 2545 จำเลยที่ 1 ยื่นบัญชีระบุพยานครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2545 โดยเข้าใจว่าเป็นการยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1 โจทก์รับสำเนาแล้วไม่คัดค้าน ศาลอนุญาตและรับบัญชีระบุพยานจำเลยที่ 1 จึงถือว่าเป็นกรณีที่ศาลอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ยื่นบัญชีระบุพยานเมื่อพ้นระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่ง อันเป็นการใช้ดุลพินิจรับบัญชีระบุพยานจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสามแล้ว จำเลยที่ 1 มีสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม (หมายถึงการระบุบัญชีพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 2) ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม แม้โจทก์จะคัดค้าน แต่เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดคดีเป็นไปโดยเที่ยงธรรมจึงอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้ เห็นว่า แม้การยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลยที่ 1 จะไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง แต่เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2) เมื่อพิจารณาคำฟ้องและคำให้การของจำเลยที่ 1 แล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า โจทก์ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของหรือในฐานะผู้เช่า ดังนี้ บัญชีระบุพยานของจำเลยที่ 1 ที่อ้างพยานบุคคลที่รู้เห็นเหตุการณ์ และจำเลยที่ 1 นำพยานบุคคลดังกล่าวเข้าเบิกความคือตัวจำเลยที่ 1 กับนางผาง ผู้รู้เห็นการเช่าที่ดินพิพาทและเป็นผู้เก็บรักษาส่วนแบ่งข้าวที่ทำนาได้ จึงนับว่าเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญ ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับบัญชีระบุพยานจำเลยที่ 1 และอนุญาตให้จำเลยที่ 1 นำพยานบุคคลดังกล่าวข้างต้นเข้าเบิกความจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ก็ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

( สุทัศน์ ศิริมหาพฤกษ์ - ชูเกียรติ ตันทวีวงศ์ - วิรัช ชินวินิจกุล )
ศาลจังหวัดบัวใหญ่ - นายสมชาย จันทร์รองศรี
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 - นายตรีวุฒิ สาขากร
ป.พ.พ. มาตรา 87(2), 88

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US