รับสารภาพชั้นจับกุมหรือสอบสวน เป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานมีเหตุบรรเทาโทษ

ฎีกาตัดสินเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1963/2531

ป.อ. มาตรา 78

ป.วิ.อ. มาตรา 213, 225

ในกรณีที่ศาลฎีกาเห็นว่ามีเหตุบรรเทาโทษเพราะจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวน สมควรลดโทษให้แก่จำเลยที่ฎีกาขึ้นมาเมื่อจำเลยที่มิได้ฎีกาซึ่งกระทำความผิดร่วมกันก็ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนเช่นเดียวกันเหตุบรรเทาโทษดังกล่าวจึงเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225.

___________________________

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297, 340, 371,83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ.2526 มาตรา 4 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14 ริบของกลางและให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 36,760 บาทแก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297, 340 ให้ลงโทษตามมาตรา340 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกคนละ 18 ปีจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 อีกกระทงหนึ่ง ลงโทษปรับคนละ 100 บาทริบของกลางให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 36,760 บาทแก่ผู้เสียหายหากจำเลยที่2 และที่ 3 ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา29, 30 ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1

จำเลยที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 3 และที่ 4 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักมั่นคงฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกับพวกเป็นคนร้ายรายนี้ พยานฐานที่อยู่ของจำเลยไม่มีน้ำหนักพอที่จะหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ เนื่องจากจำเลยที่ 3 และที่ 4 ได้ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานและให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอย่างมาก มีเหตุบรรเทาโทษสมควรลดโทษในความผิดฐานปล้นทรัพย์ให้หนึ่งในสามและโดยเหตุที่จำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 3 และที่ 4 เมื่อถูกจับได้ก็ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกุมและสอบสวนเช่นเดียวกับจำเลยที่ 3และที่ 4 เหตุบรรเทาโทษดังกล่าวจึงเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225นอกจากนั้น ที่ศาลล่างพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 โดยไม่ระบุวรรคนั้นศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง

พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสามและให้ลดโทษจำเลยที่ 2 ที่ 3และที่ 4 ในความผิดฐานดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78ลงหนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 12 ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

(สัมฤทธิ์ ไชยศิริ-มาโนช เพียรสนอง-สีนวล คงลาภ)

แหล่งที่มา

กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

แผนก

หมายเลขคดีแดงศาลชั้นต้น

หมายเหตุ

หากมีข้อสงสัยประการใดติดต่อ ที่นี้เลย  Tel/Line id : 089-2142456 (ทนายสอง ประธานชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทนายความ)

Line id : lawyer_2  ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทนายความ)

ท่านสามารถเข้าเยี่ยมชมศึกษาข้อกฎหมาย คำพิพากษา ได้ที่ www.ปรึกษาคดีฟรี.com

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US