ชกจนล้มลงและคว้าเหล็กขูดชาฟท์เข้ามาแทง จำเลยวิ่งหนียังวิ่งตามจึงยิงปืนไป1นัดเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

ฎีกาตัดสินเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7851/2544

ป.อ. มาตรา 68, 95

ป.วิ.อ. มาตรา 39, 185, 195, 225

ผู้ตายวิ่งเข้ามาชกจำเลยพร้อมทั้งพูดด้วยว่าจะฆ่าให้ตาย จำเลยถูกชกจนล้มลงผู้ตายคว้าเหล็กขูดชาฟท์ปลายแหลมยาวประมาณ 1 คืบเข้ามาแทงจำเลย จำเลยใช้มือรับจนมีบาดแผลที่ฝ่ามือ จำเลยลุกขึ้นวิ่งหนี ผู้ตายวิ่งตามจำเลยและแทงถูกจำเลยที่ต้นแขนขวาและพยายามจะแทงจำเลยอีกจำเลยจึงชักอาวุธปืนยิงผู้ตาย 1 นัด โดยมิได้เลือกว่าจะยิงที่ใดและจะถูกผู้ตายหรือไม่ แล้วจำเลยได้หลบหนีไป การที่ผู้ตายใช้เหล็กขูดชาฟท์ปลายแหลมซึ่งสามารถทำอันตรายผู้อื่นถึงแก่ชีวิตได้ เป็นอาวุธไล่แทงจำเลย จนกระทั่งจำเลยอยู่ในที่คับขันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเพียง1 นัดเพื่อให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ย่อมเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุอันถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68

ความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 72 วรรคหนึ่ง และมาตรา 72 ทวิ วรรคสองประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 มีกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี จำคุกไม่เกินห้าปี และโทษปรับไม่เกิน 100 บาทตามลำดับ ความผิดดังกล่าวจึงมีอายุความสิบห้าปี สิบปี และหนึ่งปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95(2)(3)(5) โจทก์นำคดีมาฟ้องนับแต่วันกระทำความผิดถึงวันฟ้องเกินกว่าสิบห้าปีแล้ว จึงเป็นอันขาดอายุความ สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(6) ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมาจึงเป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 แม้ความผิดดังกล่าวจะยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 แล้วก็ตาม แต่ปัญหาเรื่องอายุความเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองประกอบมาตรา 225

___________________________

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 288,371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ

จำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ฐานฆ่าผู้อื่น จำคุก 15 ปี ฐานมีอาวุธปืนจำคุก 1 ปี และฐานพาอาวุธปืนลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ฐานมีและพาอาวุธปืนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกฐานมีอาวุธปืน6 เดือน ฐานพาอาวุธปืน 3 เดือน รวมจำคุก 15 ปี 9 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 1 นัด กระสุนปืนถูกบริเวณหน้าอก เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาโต้แย้งว่าจำเลยและผู้ตายสมัครใจเข้าวิวาท จึงมิใช่กรณีป้องกัน เห็นว่า ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ แม้เหตุแห่งคดีนี้จะเกิดขึ้นจากการทะเลาะวิวาทกันระหว่างจำเลยและผู้ตาย เนื่องจากจำเลยชวนนางสาวรำพึง ประพรม ให้ไปดูภาพยนตร์ที่บ้านหนองพยอม และผู้ตายไม่พอใจ จึงมีปากเสียงและชกต่อยกับจำเลยแต่พยานโจทก์หลายปาก เช่น นางคารม พรมสุขโข ภริยาผู้ตายและนายสุรินทร์ สมใจ ต่างเบิกความว่า กรณีทะเลาะวิวาทดังกล่าวได้ยุติลงโดยมีผู้ห้ามปราม ซึ่งนางคารมยืนยันว่าพยานและน้าของพยานได้ช่วยกันดึงผู้ตายกลับมาที่บริเวณพยานนั่งดูภาพยนตร์อยู่ แต่ต่อมาผู้ตายได้ลุกออกไปอีก จึงเกิดเรื่องเป็นคดีนี้ขึ้นแสดงให้เห็นว่าเหตุวิวาทครั้งแรกได้ขาดตอนไปแล้ว โดยนางขวัญเรือน มีเพชรเบิกความเป็นพยานโจทก์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงหลังนี้ว่า ต่อมาพยานเห็นผู้ตายถือเหล็กแหลมวิ่งไล่ตามจำเลยที่ข้างโบสถ์ ห่างจากที่พยานนั่งอยู่ประมาณ 2 ถึง 3 วา แล้วได้ยินเสียงอาวุธปืนดังขึ้น ทั้งนี้นางคารมภริยาผู้ตายได้เบิกความด้วยว่า พยานได้ยินเสียงเอะอะที่ข้างรถยนต์โดยสาร เมื่อพยานลุกขึ้นไปดูก็เห็นผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว และเห็นจำเลยยืนถืออาวุธปืนอยู่ โดยพยานได้ตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่า ในมือของผู้ตายมีเหล็กขูดชาฟท์ คำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวจึงเจือสมกับคำเบิกความของจำเลยที่ยืนยันว่า หลังจากมีเรื่องในครั้งแรกแล้วผู้ตายวิ่งเข้ามาชกจำเลยพร้อมทั้งพูดด้วยว่าจะฆ่าให้ตาย จำเลยถูกชกจนล้มลง ผู้ตายคว้าเหล็กขูดชาฟท์ปลายแหลมยาวประมาณ 1 คืบ เข้ามาแทงจำเลย จำเลยใช้มือรับจนมีบาดแผลที่ฝ่ามือ จำเลยลุกขึ้นวิ่งหนี ผู้ตายวิ่งตามจำเลยและแทงถูกจำเลยที่ต้นแขนขวาและพยายามจะแทงจำเลยอีก จำเลยจึงชักอาวุธปืนยิงผู้ตาย 1 นัด โดยมิได้เลือกว่าจะยิงที่ใด และจะถูกผู้ตายหรือไม่ แล้วจำเลยได้หลบหนีไป การที่ผู้ตายใช้เหล็กขูดชาฟท์ปลายแหลม ซึ่งสามารถทำอันตรายผู้อื่นถึงแก่ชีวิตได้เป็นอาวุธไล่แทงจำเลย จนกระทั่งจำเลยอยู่ในที่คับขันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเพียง 1 นัด เพื่อให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ย่อมเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุอันถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 นั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง คดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2521 ความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2491 มาตรา 72 วรรคหนึ่ง และมาตรา 72 ทวิ วรรคสองประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 มีกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี จำคุกไม่เกินห้าปี และโทษปรับไม่เกิน 100 บาท ตามลำดับ ความผิดทั้งสองฐานจึงมีอายุความสิบห้าปี สิบปีและหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95(2)(3)(5) โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2539 นับแต่วันกระทำความผิดถึงวันฟ้องเกินกว่าสิบห้าปีแล้ว คดีสำหรับความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวจึงเป็นอันขาดอายุความ สิทธิการนำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(6) ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมาจึงเป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 แม้ความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวจะยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 แล้วก็ตาม แต่ปัญหาเรื่องอายุความเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225″

พิพากษายกฟ้องโจทก์ทุกข้อหา

(วิชา มหาคุณ-พูนศักดิ์ จงกลนี-ปัญญา สุทธิบดี)

แหล่งที่มา

สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

แผนก

หมายเลขคดีแดงศาลชั้นต้น

หมายเหตุ

หากมีข้อสงสัยประการใดติดต่อ ที่นี้เลย  Tel/Line id : 089-2142456 (ทนายสอง ประธานชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทนายความ)

Line id : lawyer_2  ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทนายความ)

ท่านสามารถเข้าเยี่ยมชมศึกษาข้อกฎหมาย คำพิพากษา ได้ที่ www.ปรึกษาคดีฟรี.com

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US