พฤติการณ์ที่นำผู้ตายส่งโรงพยาบาล บอกชื่อสารพิษที่ผู้ตายกิน ออกค่ารักษาพยาบาลถือว่าเป็นการบรรเทาผลร้าย

พฤติการณ์ที่นำผู้ตายส่งโรงพยาบาล บอกชื่อสารพิษที่ผู้ตายกิน ออกค่ารักษาพยาบาลถือว่าเป็นการบรรเทาผลร้าย

ฎีกาตัดสินเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2543

จำเลยให้ผู้ตายดื่มสารพิษที่บ้านพักของผู้ตาย ความผิดอาญาที่จำเลยกระทำเกิดขึ้นที่บ้านพักของผู้ตาย ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ส่วนที่ผู้ตายถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาล พ. เป็นผลของการกระทำผิดความผิดอาญาได้เกิดในเขตอำนาจพนักงานสอบสวนคนใด โดยปกติให้เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนผู้นั้นเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนความผิดนั้น ๆ เพื่อดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 18 วรรคสาม พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดอนเมืองมีอำนาจสอบสวน

ถ้วยกาแฟและช้อนกาแฟของกลางเป็นของใช้ประจำบ้านผู้ตายส่วนสารพิษของกลางเป็นทรัพย์สินของโรงพยาบาล ร. มิใช่ทรัพย์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าทำหรือมีไว้เป็นความผิด จึงมิใช่ทรัพย์ที่ต้องริบเสียทั้งสิ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32

จำเลยเป็นผู้นำผู้ตายไปส่งโรงพยาบาลและพยายามบอกความจริงให้แพทย์ผู้รักษาทราบว่าผู้ตายกินสารพิษโคลชิซินเพื่อแพทย์จะได้รักษาผู้ตายได้ถูกต้องทั้งจำเลยให้ผู้ตายรับประทานเม็ดคาร์บอนเพื่อช่วยดูดซึมสารพิษในร่างกายของผู้ตายให้หมดไป แสดงว่าจำเลยได้พยายามช่วยชีวิตผู้ตายอย่างเต็มความสามารถประกอบกับจำเลยได้ออกค่ารักษาพยาบาลผู้ตายตลอดมาโดยมุ่งหมายให้ผู้ตายรอดชีวิตอันเป็นการพยายามบรรเทาผลร้าย จึงมีเหตุอันควรปรานีลงโทษสถานเบา

จำเลยรับราชการที่โรงพยาบาล ร. ตั้งแต่ 2525 ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นเจ้าพนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ 5 แสดงว่าจำเลยมีคุณงามความดีมาก่อน จำเลยกระทำผิดเนื่องจากความหึงหวงผู้ตายที่ไปมีหญิงอื่น หลังจากเกิดเหตุจำเลยพยายามบรรเทาผลร้ายอย่างสุดความสามารถเท่าที่จะทำได้นอกจากนี้ไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวเป็นคนดีโดยรอการลงโทษจำคุก

___________________________

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33, 290 และริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก จำคุก9 ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสามคงจำคุก 6 ปีริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยให้ผู้ตายดื่มสารพิษโคลชิซินที่บ้านพักของผู้ตาย ความผิดอาญาที่จำเลยกระทำเกิดขึ้นที่บ้านพักของผู้ตาย ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ส่วนที่ผู้ตายถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้านั้นเป็นผลของการกระทำผิด ความผิดอาญาได้เกิดในเขตอำนาจพนักงานสอบสวนคนใด โดยปกติให้เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนผู้นั้นเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนความผิดนั้น ๆ เพื่อดำเนินคดีทั้งนี้ตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 18 วรรคสาม ดังนั้น พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดอนเมืองสอบสวนคดีนี้จึงชอบแล้ว ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการที่สามมีว่าสมควรริบของกลางหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าของกลางมิใช่ทรัพย์ที่ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิด และไม่ได้เป็นทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดหรือได้มาจากการกระทำผิด เห็นว่า ถ้วยกาแฟช้อนกาแฟ และสารพิษโคลชิซินของกลางมิใช่ทรัพย์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าทำหรือมีไว้เป็นความผิด จึงมิใช่ทรัพย์ที่ต้องริบเสียทั้งสิ้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32 ประกอบกับถ้วยกาแฟและช้อนกาแฟของกลางเป็นของใช้ประจำบ้านผู้ตาย ส่วนสารพิษโคลชิซินของกลางเป็นทรัพย์สินของโรงพยาบาลราชานุกูลซึ่งไม่สมควรริบ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ริบของกลาง ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการสุดท้ายมีว่าสมควรลงโทษจำเลยสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยหรือไม่ เห็นว่า จำเลยเป็นผู้นำผู้ตายไปส่งโรงพยาบาลและพยายามบอกความจริงให้แพทย์ผู้รักษาทราบว่าผู้ตายกินสารพิษโคลชิซินเพื่อแพทย์จะได้รักษาผู้ตายได้ถูกต้อง นอกจากนี้ได้ความจากคำเบิกความของนางสาวสายม่าน นุหัง พยานโจทก์ว่าจำเลยให้ผู้ตายรับประทานเม็ดคาร์บอนเพื่อช่วยดูดซึมสารพิษในร่างกายของผู้ตายให้หมดไปแสดงว่าจำเลยได้พยายามช่วยชีวิตผู้ตายอย่างเต็มความสามารถ ประกอบกับจำเลยได้ออกค่ารักษาพยาบาลผู้ตายตลอดมา โดยมุ่งหมายให้ผู้ตายรอดชีวิตอันเป็นการพยายามบรรเทาผลร้าย จึงมีเหตุอันควรปรานีลงโทษสถานเบาส่วนสมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยหรือไม่นั้น เห็นว่า จำเลยรับราชการที่โรงพยาบาลราชานุกูลตั้งแต่ปี 2525 ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นเจ้าพนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ 5 แสดงว่าจำเลยมีคุณงามความดีมาก่อน จำเลยกระทำผิดเนื่องจากความหึงหวงผู้ตายที่ไปมีหญิงอื่น ทั้งหลังจากเกิดเหตุจำเลยพยายามบรรเทาผลร้ายอย่างสุดความสามารถเท่าที่จำเลยจะทำได้นอกจากนี้ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรให้โอกาสจำเลยได้กลับเป็นตัวเป็นคนดีโดยรอการลงโทษจำคุกให้ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 5 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 และไม่ริบของกลางนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

(พูนศักดิ์ จงกลนี-วิชา มหาคุณ-ปัญญา สุทธิบดี)

แหล่งที่มา

สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

แผนก

หมายเลขคดีแดงศาลชั้นต้น

หมายเหตุ

หากมีข้อสงสัยประการใดติดต่อ ที่นี้เลย  Tel/Line id : 089-2142456 (ทนายสอง ประธานชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทนายความ)

Line id : lawyer_2  ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทนายความ)

ท่านสามารถเข้าเยี่ยมชมศึกษาข้อกฎหมาย คำพิพากษา ได้ที่ www.ปรึกษาคดีฟรี.com

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US