ยิงในระยะกระทันหันที่เกิดเหตุตรงพัวพัน เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

ฎีกาตัดสินเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1396/2514

ป.วิ.อ. มาตรา 220, 225, 215, 185

ป.อ. มาตรา 68

การปรับบทว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นชอบที่จะต้องพิจารณาในฐานความผิดเป็นกระทงไป ศาลชั้นต้นลงโทษเรียงกระทงความผิดมาศาลอุทธรณ์แก้ในกระทงความผิดกระทงหนึ่ง แม้จะเป็นแก้มาก เมื่อศาลอุทธรณ์ยังลงโทษจำคุกในกระทงความผิดที่แก้ไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

เกิดโต้เถียงกันก่อนแล้วผู้เสียหายใช้จอบตีถูกจำเลยเซไปผู้เสียหายใช้จอบฟันซ้ำอีก 1 ที จำเลยล้ม พอลุกขึ้นนั่งได้ พวกผู้เสียหายต่างถือขวานและมีดจะมาช่วยผู้เสียหาย จำเลยจึงใช้ปืนพกลูกซองสั้นยิงผู้เสียหายไป 1 นัดแล้ววิ่งหนีไปแจ้งความดังนี้เป็นการที่จำเลยยิงผู้เสียหายในเวลากระทันหันที่เหตุการณ์กำลังพัวพันกันอยู่และภยันตรายซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะหน้ายังไม่หมดไปการกระทำของจำเลยจึงเป็นป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

ทางพิจารณาการกระทำของจำเลยเป็นป้องกันพอสมควรแก่เหตุแม้จำเลยจะไม่ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้

___________________________

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2511 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจมีอาวุธปืนพกสั้นทำเอง 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12หนึ่งนัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยใช้ปืนที่มีไว้นั้นยิงนายคูณ สีอาจ โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกนายคูณบาดเจ็บสาหัส ไม่ถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่ตำบลดงครั่งใหญ่ อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 295, 80 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3 และสั่งริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธและเครื่องกระสุนปืน ต่อสู้ข้อหาพยายามฆ่า

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 1 ปี 6 เดือน มีเหตุบรรเทาโทษตามมาตรา 78 ลดให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี และผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3จำคุก 6 เดือน และปรับ 1,000 บาท ลดเพราะมีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน และปรับ500 บาท รวมเป็นโทษจำคุก 1 ปี 3 เดือน และ ปรับ 500 บาท ของกลางริบข้อหาอื่นให้ยก

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่า

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุในมูลความผิดฐานพยายามฆ่า พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 81 ประกอบด้วยมาตรา 69จำคุก 1 ปี ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาว่า จำเลยควรมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 และการกระทำของจำเลยไม่ใช่ป้องกัน

ศาลฎีกาวินิจฉัยเห็นว่า การปรับบทว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น ชอบที่จะต้องพิจารณาในฐานความผิดเป็นกระทงกระทงไป ดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในกระทงความผิดในข้อหาฐานพยายามฆ่าตามฟ้องโจทก์ แม้จะเป็นการแก้ไขมาก แต่ศาลอุทธรณ์ก็ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ในปัญหาข้อเท็จจริง

ข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาว่า นายจันทร์ จำเลยเป็นพี่เขยของนายคูณผู้เสียหาย วันเกิดเหตุจำเลยนำต้นเยา (ต้นสลอด) ไปปลูกเป็นรั้วลงในที่ดินซึ่งเป็นมรดกของบิดามารดา แต่ยังไม่ได้แบ่งปันกันผู้เสียหายห้ามไม่ให้ปลูก จำเลยไม่เชื่อฟังเลยเกิดโต้เถียงกัน ผู้เสียหายใช้จอบตีจำเลยก่อน 1 ที ถูกที่เหนือข้อศอกขวา จำเลยเซไป ผู้เสียหายใช้จอบฟันจำเลยซ้ำอีก 1 ที ถูกที่เหนือเข่าขวาโลหิตไหล จำเลยล้มลงแล้วลุกขึ้นนั่งได้ มีนางเติง นางสายต่างถือขวาน ถือมีดวิ่งมาจะช่วยผู้เสียหาย จำเลยจึงใช้ปืนพกลูกซองสั้นของกลางยิงผู้เสียหายไป 1 นัด จำเลยลุกขึ้นได้ก็วิ่งหนีไปแจ้งความต่อผู้ใหญ่บ้าน ส่วนผู้เสียหายถูกกระสุนปืนที่หน้าผากมีบาดแผลเป็นจุดดำ ๆ ที่หางตาขวาข้างตาซ้ายที่หน้าผาก กลางศีรษะ และหัวไหล่รวม 11 แผล ลูกกระสุนฝังใน 2 ลูก รักษาประมาณ 15 วันหาย

ศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในขณะที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายไปนั้น เป็นไปในเวลากระทันหันที่เหตุเกิดขึ้นกำลังพัวพันกันอยู่ ผู้เสียหายก็ยังยืนถือจอบอยู่ใกล้ ๆ เป็นที่เห็นได้ว่าภัยอันตรายซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะหน้ายังไม่หมดไป การกระทำของจำเลย จึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุจำเลยไม่มีความผิดแม้จำเลยจะมิได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้ เมื่อวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุแล้ว ปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 หรือ 81 นั้น ก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยต่อไป ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาว่า จำเลยกระทำผิดฐานพยายามฆ่านั้นเสีย นอกจากที่แก้นี้แล้วให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

(แปลก ศิงฆมานันท์-ศริ มลิลา-ชวน พูนคำ)

แหล่งที่มา

กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

แผนก

หมายเลขคดีแดงศาลชั้นต้น

หมายเหตุ

หากมีข้อสงสัยประการใดติดต่อ ที่นี้เลย  Tel/Line id : 089-2142456 (ทนายสอง ประธานชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทนายความ)

Line id : lawyer_2  ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทนายความ)

ท่านสามารถเข้าเยี่ยมชมศึกษาข้อกฎหมาย คำพิพากษา ได้ที่ www.ปรึกษาคดีฟรี.com

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US