เมาสุราและพาอาวุธปืนบุกรุกเข้าไปตบหน้าและจะใช้อาวุธปืนยิง จึงถูกยิงถึงแก่ความตาย เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

ฎีกาตัดสินเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2533

ป.อ. มาตรา 68

โจทก์ร่วมเมาสุรา และพกอาวุธปืนบุกรุกเข้าไปตบหน้า ค.บนบ้านเนื่องจากโกรธ ค. ที่นำไม้ขวางทางขนถ่านของโจทก์ร่วมแล้วชักอาวุธปืนจะยิงจำเลยซึ่งเข้ามาขัดขวางมิให้โจทก์ร่วมทำร้ายร่างกาย ค. อีก จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมเพื่อป้องกันตัว การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.

___________________________

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80,90 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21ตุลาคม 2519 ข้อ 6 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 และริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา80, 288 (ที่แก้ไขแล้ว) พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 72 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 6 ลงโทษฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วจำคุก 8เดือน ฐานพยายามฆ่า จำคุก 10 ปี รวมจำคุก 10 ปี 8 เดือน และริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ข้อหาพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ปรากฏจากคำเบิกความของโจทก์ร่วมว่า โจทก์ร่วมได้ชวนนายพั่ว อัตรา ซึ่งเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ไปที่บ้านนางคำไฝหรือตื๋อ ทรัพย์เสริม เพื่อช่วยเจรจาเรื่องที่นางคำไฝนำไม้และหนามไปวางขวางทางขนถ่านของโจทก์ร่วม พบนางคำไฝอยู่บ้านคนเดียว นางคำไฝรับว่านำไม้ไปขวางทางจริง จึงเกิดโต้เถียงกัน นางคำไฝร้องเอะอะโวยวายว่าโจทก์ร่วมจะฆ่าโจทก์ร่วมจึงบอกว่านางคำไฝเป็นรุ่นลูกหลานอย่าพูดจารุนแรงและได้ใช้มือตบที่แขนนางคำไฝเบา ๆ นางคำไฝร้องเรียกให้คนช่วยนายน้อย ภูบุญทอง น้องของนางคำไฝขึ้นมาบนบ้านทุบขวดน้ำปลาเป็นปากฉลามแล้วพูดว่าถ้าโจทก์ร่วมจะฆ่านางคำไฝ จะใช้ขวดแทงโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมบอกว่าไม่ได้มาทำร้ายนางคำไฝ เพียงแต่มาพูดจาสั่งสอน พร้อมทั้งเลิกชายเสื้อขึ้นให้นายน้อยดูว่าไม่มีอาวุธมาด้วย นายน้อยจึงโยนขวดทิ้ง จากนั้นโจทก์ร่วมจึงชวนนายพั่วลงจากบ้านแล้วเดินนำนายพั่วไปจนถึงรั้วบ้าน นายลำไพ อัตราบุตรของนายพั่วเข้ามาดึงชายเสื้อด้านหลังของโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมจึงหยุด นายสมพงษ์ อัตรา น้องของนายลำไพมาชกที่ลำคอด้านซ้ายของโจทก์ร่วม 1 ที ในขณะที่นายลำไพกอดรัดโจทก์ร่วมอยู่โจทก์ร่วมดิ้นรนจนออกไปนอกถนนได้ยินเสียงคนถามชื่อโจทก์ร่วมโจทก์ร่วมหันไปดู เห็นจำเลยซึ่งเป็นน้องของนางคำไฝถืออาวุธปืนแก๊ปยาวจ้องปลายกระบอกปืนมาที่โจทก์ร่วมห่างกันประมาณ 1 ฟุตแล้วจำเลยพูดว่ามึงตาย โจทก์ร่วมจึงผลักตัวถอยหลัง ขณะเดียวกันนายลำไพปล่อยโจทก์ร่วมและผลักโจทก์ร่วมออกไป จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วม 1 นัด ถูกที่หน้าอกและแขนของโจทก์ร่วม จากนั้นนายสมพงษ์ นายลำไพและนายน้อยเข้ามาช่วยจับโจทก์ร่วมไว้เพื่อให้จำเลยใช้ด้ามปืนตี แต่นางหนูจันทร์ ลีประเสริฐ บุตรของโจทก์ร่วมเข้ามาห้ามไว้ทัน แล้วนำโจทก์ร่วมไปส่งโรงพยาบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ก่อนเกิดเหตุโจทก์ร่วมไม่ได้ดื่มสุรา แต่ปรากฏจากคำเบิกความของนางคำไฝหรือตื๋อ ทรัพย์เสริม พยานโจทก์ว่า โจทก์ร่วมขึ้นมาต่อว่านางคำไฝบนบ้านเรื่องเอาไม้ไปขวางทาง นางคำไฝบอกว่าเป็นที่ดินของนางคำไฝ ไม่ใช่ทางขนถ่าน โจทก์ร่วมเข้ามาจับแขนและตบหน้านางคำไฝ 3 ที นางคำไฝล้มลงจึงหยิบมีดมาถือไว้ โจทก์ร่วมท้าให้นางคำไฝแทง นางคำไฝไม่แทง โจทก์ร่วมได้ชักอาวุธปืนออกมาจากเอวนางคำไฝจึงร้องให้คนช่วยและวิ่งหนีลงจากบ้าน โจทก์ร่วมวิ่งตามมาเมื่อนางคำไฝวิ่งมาถึงถนน ได้ยินเสียงจำเลยพูดว่า มาทำอะไรนางคำไฝ โจทก์ร่วมพูดว่า ทำอะไรก็อย่ามายุ่งกับโจทก์ร่วม นางคำไฝได้ยินเสียงปืน 1 นัด จึงหันมาดูเห็นจำเลยถืออาวุธปืนแก๊ปยาวอยู่ห่างโจทก์ร่วมประมาณ 6-7 เมตร จึงทราบว่าจำเลยยิงโจทก์ร่วมขณะโจทก์ร่วมถูกยิงไม่มีผู้ใดจับโจทก์ร่วมไว้ ซึ่งแตกต่างกับคำเบิกความของโจทก์ร่วม ยิ่งกว่านี้หลังจากเกิดเหตุแล้วนางคำไฝยังได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนในคืนเกิดเหตุนั้นเองว่าโจทก์ร่วมบุกรุกเข้าไปทำร้ายร่างกายนางคำไฝบนบ้าน ปรากฏตามคำเบิกความของร้อยตำรวจตรีปริญญา สุทธิสินธุ์ พนักงานสอบสวนพยานโจทก์ ซึ่งโจทก์ร่วมถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกและทำร้ายร่างกายนางคำไฝด้วย ทั้งร้อยตำรวจตรีปริญญายังเบิกความต่อไปว่า จากการสอบพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ความว่าโจทก์ร่วมนำอาวุธปืนไปด้วยและจากการสอบสวนจำเลยบอกว่ายิงโจทก์ร่วม เนื่องจากโจทก์ร่วมจะยิงจำเลยก่อน ซึ่งตรงกับคำเบิกความของจำเลย และร้อยตำรวจตรีปริญญายังเบิกความต่อไปอีกว่า ตอนไปสอบคำให้การโจทก์ร่วมที่โรงพยาบาลในวันเกิดเหตุ โจทก์ร่วมยังมีอาการเมาสุรา ข้อเท็จจริงจึงเชื่อได้ว่าโจทก์ร่วมเมาสุราและพกอาวุธปืนบุกรุกเข้าไปตบหน้านางคำไฝบนบ้านเนื่องจากโกรธนางคำไฝที่นำไม้ขวางทางขนถ่านของโจทก์ร่วม แล้วชักอาวุธปืนจะยิงจำเลยซึ่งเข้ามาขัดขวางมิให้โจทก์ร่วมทำร้ายร่างกายนางคำไฝอีก จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมเพื่อป้องกันตัว การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ…”

แหล่งที่มา

สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

แผนก

หมายเลขคดีแดงศาลชั้นต้น

หมายเหตุ

หากมีข้อสงสัยประการใดติดต่อ ที่นี้เลย  Tel/Line id : 089-2142456 (ทนายสอง ประธานชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทนายความ)

Line id : lawyer_2  ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทนายความ)

ท่านสามารถเข้าเยี่ยมชมศึกษาข้อกฎหมาย คำพิพากษา ได้ที่ www.ปรึกษาคดีฟรี.com

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US