ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด

ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
การขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดนั้นหากยื่นคำร้องเข้ามาโดยไม่มีมูลและเพื่อประวิงให้ชักช้ายังให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ซื้อทรัพย์ ดังนี้ผู้ซื้อทรัพย์มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ผู้ยื่นคำร้องเพิกถอนการขายทอดตลาดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนได้ แต่ในคดีนี้จำเลยเจ้าของทรัพย์เดิมได้ตกลงกับธนาคารผู้เป็นโจทก์ขอผ่อนชำระหนี้แต่ธนาคารไม่ได้แจ้งให้งดการบังคับคดีโดยงดการขายทอดตลาดจึงมีเหตุที่จะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายได้ ไม่ใช่การยื่นคำร้องโดยไม่มีมูลและเพื่อประวิงให้ชักช้าจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ซื้อทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7313/2552

ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ประกอบมาตรา 296 วรรคสอง ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสองผู้ร้องทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ดังนี้ หากผู้ซื้อทรัพย์เห็นว่า คำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของผู้ร้องทั้งสองไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า ผู้ซื้อทรัพย์ย่อมมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนได้ ในกรณีเช่นว่านี้ ศาลมีอำนาจสั่งให้แยกการพิจารณาเป็นสำนวนต่างหากจากคดีเดิม ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคหก การที่ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนในคดีเดิมจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ โดยจำเลยทั้งสามตกลงผ่อนชำระเป็นงวด หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด ยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ แต่จำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2732 ตำบลท่าม่วง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เนื้อที่ 23 ไร่ 3 งาน 60 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้าน 2 ชั้น ของจำเลยที่ 3 ซึ่งจดทะเบียนจำนองไว้กับโจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาที่ดิน 250,000 บาท ราคาสิ่งปลูกสร้าง 50,000 บาท รวมเป็นเงิน 300,000 บาท ระหว่างบังคับคดีจำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตาย เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 3 ในการขายทอดตลาดครั้งแรกไม่มีผู้เข้าสู้ราคา ครั้งที่ 2 มีผู้เข้าสู้ราคาหนึ่งราย เสนอราคาสูงสุดที่ 240,000 บาท จำเลยที่ 3 คัดค้านการขาย เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงงดการขาย วันที่ 19 เมษายน 2545 จำเลยที่ 1 ติดต่อกับโจทก์เพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้และได้ทำบันทึกข้อตกลงปรับปรุงโครงสร้างหนี้ขึ้นในวันดังกล่าว โดยโจทก์ยอมให้จำเลยทั้งสามผ่อนชำระหนี้ได้ ซึ่งจำเลยทั้งสามได้ผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้แต่ชำระตรงตามสัญญาและไม่ตรงตามสัญญาบ้าง แต่โจทก์มิได้แจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 3 ต่อมาวันที่ 1 ธันวาคม 2546 ได้มีการขายทอดตลาดครั้งที่ 4 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งให้แก่ทายาทของจำเลยที่ 3 คือ นางกมลวรรณ นางวิภาวรรณ และผู้ร้องที่ 2 ทราบ แต่ไม่ได้แจ้งให้ผู้ร้องที่ 1 ทราบ มีผู้เข้าสู้ราคา 2 ราย ผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ให้ราคาสูงสุด 530,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าเป็นราคาที่สมควรขายจึงเคาะไม้ขายให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ ผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นทายาทของจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ผู้ซื้อทรัพย์คัดค้านและขอให้ศาลสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองวางเงินประกันความเสียหาย ต่อมาผู้ร้องทั้งสองนำเงินประกันความเสียหายมาวางศาล 50,000 บาท ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 9 ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องว่า คำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดไม่มีมูล ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า ทำให้ผู้ซื้อทรัพย์ได้รับความเสียหาย ไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยในทรัพย์ที่ซื้อคิดเป็นค่าขาดประโยชน์เดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องจนถึงวันที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องเป็นเวลา 15 เดือน เป็นเงิน 75,000 บาท และผู้ซื้อทรัพย์ต้องเสียค่าทนายความและค่าจ้างในการต่อสู้คดีเป็นเงิน 100,000 บาท ขอให้บังคับผู้ร้องทั้งสองชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันมีคำสั่งเป็นต้นไปโดยขอรับเงินประกันความเสียหายที่ผู้ร้องทั้งสองวางศาลมาชำระเป็นค่าเสียหายส่วนหนึ่ง

ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันมีคำสั่ง (วันที่ 21 มีนาคม 2548) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ซื้อทรัพย์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ซื้อทรัพย์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ

ผู้ซื้อทรัพย์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีประเด็นต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ว่า หากผู้ซื้อทรัพย์ได้รับความเสียหายเนื่องจากการยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของผู้ร้องทั้งสอง ผู้ซื้อทรัพย์มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลในคดีเดิมได้หรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์โดยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมาย กล่าวคือมิได้แจ้งประกาศการขายทอดตลาดทรัพย์ให้จำเลยที่ 1 หรือให้แก่ผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นทายาทของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียทราบถึงวันขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 3 ทั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ไปโดยไม่สุจริต สมรู้ร่วมคิดกับผู้ซื้อทรัพย์กดราคา และกระทำโดยประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้องทั้งสอง จึงเป็นการร้องขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ประกอบมาตรา 296 วรรคสอง หากผู้ซื้อทรัพย์ซึ่งอาจได้รับความเสียหายเนื่องจากการยื่นคำร้องขอดังกล่าวเห็นว่ามีพยานหลักฐานเบื้องต้นแสดงว่าคำร้องนั้นไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า ศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองวางเงินหรือหาประกันต่อศาลภายในระยะเวลาที่ศาลเห็นสมควรกำหนด เพื่อเป็นการประกันค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลนั้นได้ ซึ่งผู้ซื้อทรัพย์ได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองนำเงินมาวางประกัน 50,000 บาท ซึ่งผู้ร้องทั้งสองได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้ว ต่อมาศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง ผู้ร้องทั้งสองยื่นอุทธรณ์ หากผู้ซื้อทรัพย์เห็นว่าคำร้องนั้นไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า ผู้ซื้อทรัพย์ก็มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองนั้นชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนได้ ในกรณีเช่นว่านี้ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้แยกการพิจารณาเป็นสำนวนต่างหากจากคดีเดิม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคท้าย ดังนั้น ที่ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนในคดีเดิมจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฎีกาข้อนี้ของผู้ซื้อทรัพย์ฟังขึ้น

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า การยื่นคำร้องของผู้ร้องทั้งสองไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้าหรือไม่ เห็นว่า ระหว่างการขายทอดตลาดทรัพย์จำเลยที่ 3 ได้ตกลงกับโจทก์โดยขอผ่อนชำระหนี้ ตามบันทึกข้อตกลงปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และจำเลยที่ 3 ได้ผ่อนชำระตามบันทึกดังกล่าวให้แก่โจทก์ โจทก์จึงมีหน้าที่ที่จะขอให้งดการบังคับคดี โดยงดการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 3 ไว้ แต่โจทก์หาได้กระทำแต่อย่างใด คงปล่อยให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 3 ทั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้แจ้งให้ผู้ร้องที่ 1 ทราบถึงวันขายทอดตลาด พฤติการณ์ดังกล่าวจึงมีเหตุให้ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด จึงมิใช่การยื่นคำร้องโดยไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า ฎีกาข้อนี้ของผู้ซื้อทรัพย์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.

( ศิริชัย วัฒนโยธิน - ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล - กีรติ กาญจนรินทร์ )
ศาลจังหวัดสงขลา - นางสาวสุภัทรา กรอุไร
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 - นายจิรพงษ์ ทัศน์เอี่ยม
ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง, 296 วรรคหก, 309 ทวิ วรรคสอง

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US