เบิกความอันเป็นเท็จขอเป็นผู้จัดการมรดก

เบิกความอันเป็นเท็จขอเป็นผู้จัดการมรดก
จำเลยเป็นน้องสาวผู้ตายได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเบิกความอันเป็นเท็จต่อศาลว่า ผู้ตายมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ใด และมิได้ตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก ข้อเท็จจริงคือขณะจำเลยเบิกความในคดีที่จำเลยร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกจำเลยรู้ว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่บุคคลอื่นแล้ว จำเลยจึงเป็นผู้ถูกตัดขาดมิให้รับมรดก และไม่มีฐานะเป็นทายาทที่จะร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นข้อสำคัญในคดีการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2537

จำเลยเป็นน้อง ส. ขณะจำเลยเบิกความในคดีที่จำเลยร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ ส. นั้น จำเลยรู้อยู่แล้วว่าส. ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้โจทก์และผู้อื่นแล้ว จำเลยจึงเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดก และไม่มีฐานะเป็นทายาทที่จะร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก การที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่า ส. มิได้ทำพินัยกรรมทรัพย์มรดกให้ผู้ใด และมิได้ตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก เป็นเหตุให้ศาลเชื่อตามคำเบิกความของจำเลย และตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของ ส. คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นข้อสำคัญในคดี การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
________________________________

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2533 จำเลยได้เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ซึ่งความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีกล่าวคือ จำเลยได้เบิกความเป็นพยานในคดีที่จำเลยร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายสาลี จิตต์ธรรม ว่า"ก่อนนายสาลีถึงแก่กรรม นายสาลีมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ใด และมิได้ตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก" ปรากฏตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 126/2533 ของศาลชั้นต้น ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จ เพราะความจริงจำเลยรู้อยู่แล้วว่านายสาลีได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่นายสุรพล ไชยกาลและโจทก์เพียงสองคนเท่านั้น การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่ศาลจังหวัดปทุมธานีตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 วรรคแรก จำคุก 3 เดือน

จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2532 นายสาลี ได้ทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองไว้ที่อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานียกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้โจทก์กับนายสุรพล และแต่งตั้งให้โจทก์กับนายสุรพลร่วมกันเป็นผู้จัดทำการศพ และเป็นผู้จัดการมรดกของตนด้วย ต่อมาวันที่ 5 เมษายน 2533 นายสาลีถึงแก่ความตายจำเลยซึ่งเป็นน้องนายสาลีได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายสาลีและเบิกความต่อศาลชั้นต้นว่า ก่อนถึงแก่ความตายนายสาลีมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ใด และมิได้ตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายสาสี คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่าขณะจำเลยเบิกความในคดีที่จำเลยร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายสาลีนั้นจำเลยรู้อยู่แล้วว่านายสาลีได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่โจทก์และนายสุรพลแล้ว จำเลยจึงเป็นผู้ถูกตัดขาดมิให้รับมรดก และไม่มีฐานะเป็นทายาทที่จะร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ดังนั้น การที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่านายสาสีมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้ผู้ใด และมิได้ตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก เป็นเหตุให้ศาลเชื่อตามคำเบิกความของจำเลย และตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายสาลี คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นข้อสำคัญในคดีการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

( สะสม สิริเจริญสุข - กู้เกียรติ สุนทรบุระ - ชัยนาท พันตาวงศ์ )

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US