ผลของการประนอมหนี้

เมื่อมีการประนอมหนี้แล้ว ย่อมผูกมัดเจ้าหนี้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ที่ได้ยื่นขอรับชำระหนี้ไว้แล้ว และเจ้าหนี้ที่ไม่ได้ยื่นขอรับชำระหนี้ด้วย เจ้าหนี้จะมาฟ้องให้ลูกหนี้รับผิดอีกไม่ได้ ต่อภายหลังลูกหนี้ได้ทำหนังสือยอมชำระหนี้นั้นด้วยความสมัครใจมุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์กับเจ้าหนี้ย่อมมีผลสมบูรณ์ใช้บังคับกันได้ตามกฎหมาย ไม่ใช่เป็นเอกสารรับสภาพหนี้ เมื่อลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลายโดยเจ้าหนี้รายใหม่เป็นอีกคดีหนึ่ง เจ้าหนี้รายนี้จึงมีสิทธิขอรับชำระหนี้จากมูลหนี้ตามหนังสือยอมชำระหนี้นั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2552

หนี้เงินต้นตามจำนวนในเช็คมีมูลหนี้มาจากเจ้าหนี้ซึ่งมีความผูกพันที่จะต้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ของลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้ชำระหนี้ดังกล่าวแทนลูกหนี้ไปแล้วก่อนวันที่ลูกหนี้ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายเรื่องก่อนของศาลจังหวัดนนทบุรี และเจ้าหนี้มิได้นำหนี้ดังกล่าวไปขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จนกระทั่งศาลจังหวัดนนทบุรีมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายของลูกหนี้ ซึ่งการประนอมหนี้ดังกล่าวผูกมัดเจ้าหนี้ทั้งหมดในเรื่องหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ได้ แต่ก็มีผลผูกพันหนี้เดิมของเจ้าหนี้ที่ได้ชำระหนี้แทนลูกหนี้นั้นและมีผลให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้ดังกล่าวเท่านั้น แต่ภายหลังลูกหนี้หลุดพ้นจากภาวะล้มละลายแล้ว ลูกหนี้ได้ทำหนังสือพิพาทให้แก่เจ้าหนี้โดยตกลงยอมชำระหนี้เงินต้นจำนวนในเช็ค 22,750,000 บาท ที่ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้อยู่จริงและลูกหนี้ยังมิได้ชำระคืนให้แก่เจ้าหนี้หนังสือพิพาทดังกล่าวจึงเป็นนิติกรรมที่ลูกหนี้ทำขึ้นด้วยความสมัครใจมุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์กับเจ้าหนี้ว่าจะใช้เงินคืนแก่เจ้าหนี้และมีผลสมบูรณ์ใช้บังคับกันได้ตามกฎหมาย มิใช่เป็นเอกสารรับสภาพหนี้ตามเช็คธนาคาร ท. ที่ลูกหนี้สั่งจ่ายมอบให้แก่เจ้าหนี้ในระหว่างที่ลูกหนี้ยังอยู่ในภาวะล้มละลายอันเป็นการกระทำเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.ล้มละลาย ฯ มาตรา 24 ซึ่งตกเป็นโมฆะไม่ เจ้าหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามหนังสือพิพาทเป็นเงินต้น 22,750,000 บาท

ส่วนข้อตกลงเกี่ยวกับดอกเบี้ยที่ลูกหนี้จะชำระให้แก่เจ้าหนี้อัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับจากวันที่ 24 เมษายน 2532 จนกว่าจะชำระเสร็จ เป็นข้อตกลงให้ดอกเบี้ยย้อนหลังแก่เจ้าหนี้ไปถึงวันที่ลูกหนี้สั่งจ่ายเช็คมอบให้แก่เจ้าหนี้เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2532 ซึ่งอยู่ในระหว่างที่ลูกหนี้อยู่ในภาวะล้มละลาย ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการถือเอาเช็คที่ลูกหนี้สั่งจ่ายมอบให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นโมฆะมาเป็นมูลเรียกดอกเบี้ยจากลูกหนี้ ข้อตกลงในเรื่องดอกเบี้ยส่วนนี้ จึงตกเป็นโมฆะเช่นกันและตามพฤติการณ์แห่งกรณี คู่กรณีมีเจตนาจะให้ส่วนเงินต้นที่ลูกหนี้จะใช้คืนให้แก่เจ้าหนี้จำนวน 22,750,000 บาท ที่สมบูรณ์แยกออกจากข้อตกลงในเรื่องดอกเบี้ยที่เป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 173 เจ้าหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้น 22,750,000 บาท นับจากวันที่ 15 สิงหาคม 2542 อันเป็นวันครบกำหนดตามหนังสือพิพาทจนถึงวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2544

เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้เงินยืมและอาวัล จำนวน 100,687,500 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 104 แล้ว ปรากฏว่าลูกหนี้โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเสนอความเห็นว่าควรยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 107 (1)

ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวน
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และลูกหนี้อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
เจ้าหนี้ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของเจ้าหนี้ที่ว่า เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้หรือไม่ เพียงใด เห็นว่า แม้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้เงินยืมและอาวัล แต่เจ้าหนี้ได้ให้การสอบสวนถึงที่มาในเรื่องหนี้สินดังกล่าวตลอดจนอ้างส่งหลักฐานประกอบหนี้ที่ขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งตามทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ความว่า หนี้ที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้มีหนังสือคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นหลักฐานซึ่งลูกหนี้ได้ทำไว้ให้แก่เจ้าหนี้เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2542 มีข้อความว่า ตามที่เจ้าหนี้ได้รับภาระใช้หนี้แทนลูกหนี้นั้น ลูกหนี้ยินยอมชำระหนี้คืนให้เจ้าหนี้เป็นเงินต้นจำนวน 22,750,000 บาท ตามเช็คธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งดอกเบี้ยที่เจ้าหนี้ได้จ่ายแทนให้อัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับจากวันที่ 24 เมษายน 2532 จนกว่าจะชำระเสร็จ ดอกเบี้ยที่ลูกหนี้จะชำระคืนจนถึงวันที่ 24 เมษายน 2542 เป็นเงิน 72,250,000 บาท โดยลูกหนี้จะชำระหนี้ทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2542 และลงลายมือชื่อของลูกหนี้ไว้เอกสารดังกล่าวลูกหนี้ได้ทำขึ้นภายหลังเมื่อลูกหนี้หลุดพ้นจากภาวะล้มละลายในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ 28/2529 ของศาลจังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2533 แล้ว เนื่องจากศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายของลูกหนี้ แม้ตามทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ความว่า หนี้เงินต้นตามจำนวนในเช็ค 22,750,000 บาท ดังกล่าว มีมูลหนี้มาจากเจ้าหนี้ซึ่งมีความผูกพันที่จะต้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ของลูกหนี้และได้ชำระหนี้ดังกล่าวแทนลูกหนี้ไปแล้วก่อนวันที่ลูกหนี้ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.28/2529 ของศาลจังหวัดนนทบุรี และเจ้าหนี้มิได้นำหนี้ดังกล่าวไปขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จนกระทั่งศาลจังหวัดนนทบุรีมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายของลูกหนี้ ซึ่งการประนอมหนี้ดังกล่าวผูกมัดเจ้าหนี้ทั้งหมดในเรื่องหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระได้ แต่ก็มีผลผูกพันหนี้เดิมของเจ้าหนี้ที่ได้ชำระหนี้แทนลูกหนี้นั้นและมีผลให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้ดังกล่าวเท่านั้น แต่เมื่อภายหลังลูกหนี้หลุดพ้นจากภาวะล้มละลายแล้ว ลูกหนี้ได้ทำหนังสือดังกล่าวให้แก่เจ้าหนี้ โดยตกลงยอมชำระหนี้เงินต้นจำนวนในเช็ค 22,750,000 บาท ที่ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้อยู่จริงและลูกหนี้ยังมิได้ชำระคืนให้แก่เจ้าหนี้ตามหนังสือดังกล่าว จึงเป็นนิติกรรมที่ลูกหนี้ทำขึ้นด้วยความสมัครใจมุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์กับเจ้าหนี้ว่าจะใช้เงินคืนแก่เจ้าหนี้และมีผลสมบูรณ์ใช้บังคับกันได้ตามกฎหมาย มิใช่เป็นเอกสารรับสภาพหนี้ตามเช็คธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ที่ลูกหนี้สั่งจ่ายมอบให้แก่เจ้าหนี้ในระหว่างที่ลูกหนี้ยังอยู่ในภาวะล้มละลายอันเป็นการกระทำเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 24 ซึ่งตกเป็นโมฆะ ดังความเห็นของศาลอุทธรณ์ไม่ แต่ข้อตกลงเกี่ยวกับดอกเบี้ยที่ลูกหนี้จะชำระให้แก่เจ้าหนี้อัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับจากวันที่ 24 เมษายน 2532 จนกว่าจะชำระเสร็จดังกล่าวเป็นข้อตกลงให้ดอกเบี้ยย้อนหลังแก่เจ้าหนี้ไปถึงวันที่ลูกหนี้สั่งจ่ายเช็คมอบให้แก่เจ้าหนี้เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2532 ซึ่งอยู่ในระหว่างที่ลูกหนี้อยู่ในภาวะล้มละลาย ข้อตกลงดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าเป็นการถือเอาเช็คที่ลูกหนี้สั่งจ่ายมอบให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นโมฆะมาเป็นมูลเรียกดอกเบี้ยจากลูกหนี้ ข้อตกลงในเรื่องดอกเบี้ยส่วนนี้ จึงตกเป็นโมฆะเช่นกัน และตามพฤติการณ์แห่งกรณี คู่กรณีมีเจตนาจะให้ส่วนเงินต้นที่ลูกหนี้จะใช้คืนให้แก่เจ้าหนี้จำนวน 22,750,000 บาท ที่สมบูรณ์ดังกล่าวแยกออกจากข้อตกลงในเรื่องดอกเบี้ยที่เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 เจ้าหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้เงินต้นจำนวน 22,750,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2542 อันเป็นวันครบกำหนดจนถึงวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียทั้งสิ้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของเจ้าหนี้ฟังขึ้นบางส่วน เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้ว ปัญหาอื่นไม่จำต้องวินิจฉัย

พิพากษาแก้เป็นว่า อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จำนวน 22,750,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2542 จนถึงวันที่ 12 มีนาคม 2544 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 130 (7) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.
( สุทัศน์ ศิริมหาพฤกษ์ - ไพโรจน์ วายุภาพ - สมศักดิ์ จันทรา )
ศาลล้มละลายกลาง - นายเหล็ก ไทรวิจิตร
ศาลอุทธรณ์ - นายวิชชา ชินวงษ์พราห์ม
ป.พ.พ. มาตรา 149, 173, 193/14
พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 24, 56, 94

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US