การอุทธรณ์หรือฎีกาต้องเป็นไปตามลำดับชั้นของศาล

การอุทธรณ์หรือฎีกาต้องเป็นไปตามลำดับชั้นของศาล
คดีนี้ศาลอุทธรณ์เห็นว่าพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา45 บัญญัติให้อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา จึงให้ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินการส่งศาลฎีกาต่อไป ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การอุทธรณ์คำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการต่อศาลฎีกานั้นกระทำได้เฉพาะกรณีที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 45 (1) - (5) เท่านั้น แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินต่าง ๆ การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 มิใช่กรณีที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติดังกล่าว การอุทธรณ์หรือฎีกาต้องเป็นไปตามลำดับชั้นของศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2120/2553

การอุทธรณ์คำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 ต่อศาลฎีกากระทำได้เฉพาะกรณีที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 45 (1) - (5) เท่านั้น คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินต่าง ๆ ที่อ้างว่าเป็นของจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 มิใช่กรณีที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติดังกล่าว การอุทธรณ์หรือฎีกาต้องเป็นไปตามลำดับชั้นของศาล ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาจึงไม่ถูกต้อง แต่เนื่องจากคู่ความได้สืบพยานมาเสร็จสิ้น พยานหลักฐานเพียงพอแก่การวินิจฉัยแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่
______________________________

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 5,871,443.82 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2536 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท แต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินต่าง ๆ ที่บ้านเลขที่ 99 หมู่ที่ 3 ถนนพลดำริ ตำบลบางเลน อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดนั้นเป็นของผู้ร้องมิใช่ของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธินำยึด ขอให้ศาลสั่งปล่อยทรัพย์ที่ยึดคืนแก่ผู้ร้อง

โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การ

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วพิพากษายกคำร้อง ให้ผู้ร้องใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท
ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา45 บัญญัติให้อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา จึงให้ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินการส่งศาลฎีกาต่อไป

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาโดยวินิจฉัยว่ากรณีต้องด้วยพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 45 ที่ให้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกานั้น เห็นว่า การอุทธรณ์คำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการต่อศาลฎีกานั้นกระทำได้เฉพาะกรณีที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 45 (1) - (5) เท่านั้น แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินต่าง ๆ ที่อ้างว่าเป็นของจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 มิใช่กรณีที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติดังกล่าว การอุทธรณ์หรือฎีกาต้องเป็นไปตามลำดับชั้นของศาล ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาจึงไม่ถูกต้อง แต่เนื่องจากคู่ความได้สืบพยานมาเสร็จสิ้น พยานหลักฐานเพียงพอแก่การวินิจฉัยแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่

คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า ทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องไม่มีหลักฐานใดมาแสดงว่าทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ทั้งตามรายงานการยึดทรัพย์และรายงานการยึดทรัพย์ครั้งที่ 1 นายสมจิตได้ร่วมกับผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีตรวจทรัพย์สินและนำชี้ยึด และทรัพย์สินที่ถูกยึดเจ้าพนักงานบังคับคดีได้มอบให้นายสมจิตเป็นผู้เก็บรักษาไว้ ณ ที่ทำการยึด โดยนายสมจิตไม่ได้โต้แย้งว่าเป็นทรัพย์สินของผู้ร้องทั้งที่นายสมจิตเป็นกรรมการผู้ร้องและเบิกความอ้างว่านายสมจิตเป็นผู้ซื้อทรัพย์สินที่ถูกยึดโดยใช้เงินส่วนตัวพยานหลักฐานผู้ร้องจึงฟังไม่ได้ว่าทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ
( ชำนาญ รวิวรรณพงษ์ - สุรศักดิ์ สุวรรณประกร - สุรพันธุ์ ละอองมณี )
ศาลชั้นต้น - นายเกียรติศักดิ์ พุ่มเจริญ
ศาลอุทธรณ์ - นายอธิคม อินทุภูติ

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US