(สัญญาเช่าซื้อรถยนต์) ข้อสัญญาเป็นสาระสำคัญ

ผู้ให้เช่าซื้อมิได้ยึดถือเอาข้อสัญญาเป็นสาระสำคัญ
การที่สัญญาเช่าซื้อมีข้อกำหนดว่า ถ้าผู้เช่าค้างชำระค่าเช่า ผู้เช่ายินยอมให้เจ้าของยึดคืนทรัพย์ได้ ต่อมาผู้เช่าค้างค่าเช่าซื้อติดต่อกัน 3 งวด คืองวดที่ 13, 14 และ 15 แล้วชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดในงวดที่ 16 ผู้ให้เช่าซื้อได้รับค่าเช่าซื้อไว้โดยไม่ทักท้วง ไม่เคยคิดเบี้ยปรับที่ชำระล่าช้า แสดงว่าผู้ให้เช่าซื้อมิได้ยึดถือเอาสัญญาข้อที่ว่าหากผู้เช่าซื้อค้างชำระค่าเช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเข้าครอบครองทรัพย์ที่เช่าซื้อเป็นสาระสำคัญ โดยถือว่ายังประสงค์ที่จะให้สัญญาเช่าซื้อมีผลบังคับต่อไปจึงได้รับค่าเช่าซื้อไว้โดยไม่ทักท้วง เมื่อต่อมาผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อติดต่อกัน 4 งวดอีก ก็ยังไม่ถือว่าผิดสัญญาเช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อยังไม่มีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ หากมีความประสงค์จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อต้องบอกกล่าวไปยังผู้เช่าซื้อก่อนโดยให้ระยะเวลาพอสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4651/2549

โจทก์ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อจนถึงงวดที่ 12 แล้วไม่ชำระตั้งแต่งวดที่ 13 ถึง 15 ต่อมางวดที่ 16 โจทก์นำค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดไปชำระให้แก่จำเลย จำเลยรับไว้โดยไม่ทักท้วง ไม่คิดดอกเบี้ยหรือเบี้ยปรับ แสดงว่า จำเลยมิได้ยึดถือข้อสัญญาที่ว่า หากผู้เช่าซื้อค้างชำระค่าเช่าซื้อ จำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเข้าครอบครองรถยนต์ที่เช่าซื้อเป็นสาระสำคัญ ดังนั้น หากจำเลยประสงค์จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ จำเลยต้องบอกกล่าวไปยังโจทก์โดยให้ระยะเวลาแก่โจทก์พอสมควร แม้จำเลยมีหนังสือบอกกล่าวให้โจทก์ชำระหนี้ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ ส่วนที่เหลือภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าเลิกสัญญา ซึ่งโจทก์นำเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดไปชำระให้แก่จำเลย แต่จำเลยไม่รับชำระโดยอ้างว่าโจทก์ชำระน้อยกว่าจำนวนหนี้ที่ค้างชำระซึ่งมีดอกเบี้ย ค่าติดตามรถและค่าแอร์รวมอยู่ด้วยนั้น ก็ไม่ปรากฏข้อสัญญาหรือข้อนำสืบว่า ยอมให้คิดดอกเบี้ยจากการชำระล่าช้าได้หรือโจทก์ค้างชำระจริง จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกให้โจทก์ชำระหนี้อื่นนอกจากค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ เมื่อโจทก์นำค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดไปชำระให้แก่จำเลย แต่จำเลยไม่รับชำระค่าเช่าซื้อโดยไม่มีเหตุจะอ้างตามกฎหมายจึงไม่ถือว่าโจทก์ผิดนัดชำระหนี้ จำเลยไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาต่อโจทก์ สัญญาเช่าซื้อยังไม่เลิกกัน โจทก์ผู้เช่าซื้อชอบที่จะครอบครองใช้ประโยชน์จากรถยนต์ที่เช่าซื้อต่อไป จำเลยต้องส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์ เมื่อจำเลยไม่รับชำระค่าเช่าซื้อและไม่คืนรถยนต์ให้แก่โจทก์โดยไม่มีเหตุที่จะอ้างได้ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายตามฟ้องแย้ง

สัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาต่างตอบแทน การที่โจทก์มีสิทธิครอบครองใช้ประโยชน์จากรถยนต์ที่เช่าซื้อ โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าซื้อเป็นการตอบแทนด้วย ขณะจำเลยยึดรถยนต์คืนนั้นโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อรวม 4 งวด ซึ่งตามสัญญาเช่าซื้อระบุให้จำเลยมีสิทธิยึดรถคืนได้ในกรณีผู้เช่าซื้อค้างชำระค่าเช่าซื้อโดยไม่ต้องบอกเลิกสัญญา การที่จำเลยยึดรถคืนแสดงว่าจำเลยไม่ยอมผ่อนผันให้โจทก์อีกจึงไม่ทำให้โจทก์เสียหายจากการใช้รถ แม้โจทก์นำค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์ก็เป็นเพียงทำให้โจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยส่งมอบรถยนต์คืนเพื่อปฏิบัติตามสัญญาต่อไปเท่านั้น โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถเป็นรายวันนับแต่วันที่จำเลยยึดรถยนต์คืนได้อีก

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์วันละ 800 บาท นับแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2542 จนกว่าจำเลยจะส่งมอบรถยนต์คืนแก่โจทก์ และให้จำเลยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์สภาพเรียบร้อยและใช้การได้ดี หากไม่สามารถส่งคืนได้ให้ใช้ราคาจำนวน 376,000 บาท

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง และฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระรวม 30,500 บาท ค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถในระหว่างที่ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อเดือนละ 4,000 บาท รวม 5 เดือน คิดเป็นเงิน 20,000 บาท แต่จำเลยขอคิดเพียง 15,000 บาท ค่าซ่อมรถให้อยู่ในสภาพดีจากการที่โจทก์ไม่บำรุงรักษาคิดเป็นเงิน 12,000 บาท ค่าติดตามเอารถคืนคิดเป็นเงิน 6,500 บาท รวมเป็นเงิน 79,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าโจทก์จะชำระเสร็จ

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบรถยนต์หมายเลขทะเบียน น - 6721 มุกดาหาร ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ใช้ประโยชน์ตามสัญญาเช่าซื้อต่อไป ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี และให้โจทก์ชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระตั้งแต่งวดที่ 47 ถึงงวดที่ 51 จำนวน 30,500 บาท แก่จำเลย หากคืนไม่ได้ให้จำเลยใช้ราคาแทนเป็นเงิน 170,000 บาท และให้จำเลยชำระค่าเสียหายวันละ 400 บาท นับแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2542 จนกว่าจำเลยจะส่งมอบรถคันเช่าซื้อคืนหรือใช้ราคาแทนจนเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี ยกฟ้องแย้งจำเลย (ที่ถูกคำขอตามฟ้องแย้งนอกจากนี้ให้ยก) ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับคืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เกินแก่จำเลย 270 บาท
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาประการแรกว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา เห็นว่า แม้ตามสัญญาเช่าซื้อข้อ 9 ระบุว่า ในกรณีผู้เช่าค้างชำระค่าเช่า ผู้เช่ายินยอมให้ผู้แทนหรือลูกจ้างพนักงานของเจ้าของยึดคืนทรัพย์ตามสัญญา โดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าไม่ว่าผู้เช่าจะอยู่ด้วยหรือไม่ และไม่ต้องคำนึงถึงว่าเจ้าของได้บอกเลิกสัญญาแล้วหรือไม่ และข้อ 11 ระบุว่า เจ้าของมีสิทธิบอกเลิกสัญญากรณีผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่าหรือล่วงละเมิดสัญญาไม่ว่าข้อหนึ่งข้อใด เจ้าของมีสิทธิโดยชอบที่จะเข้าครอบครองทรัพย์สินที่เช่า แต่เมื่อข้อเท็จจริงรับกันได้ความว่า โจทก์เคยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อติดต่อกัน 3 งวด คืองวดที่ 13, 14 และ 15 แล้วชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดในงวดที่ 16 จำเลยได้รับค่าเช่าซื้อไว้โดยไม่ทักท้วง ไม่เคยคิดเบี้ยปรับที่ชำระล่าช้าหรือคิดดอกเบี้ยกับโจทก์ เช่นนี้แสดงว่าจำเลยมิได้ยึดถือเอาสัญญาข้อ 11 ที่ว่าหากผู้เช่าซื้อค้างชำระค่าเช่าซื้อ จำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเข้าครอบครองทรัพย์ที่เช่าซื้อเป็นสาระสำคัญ โดยถือว่าจำเลยยังประสงค์ที่จะให้สัญญาเช่าซื้อมีผลบังคับต่อไปจึงได้รับค่าเช่าซื้อไว้โดยไม่ทักท้วงและยอมผ่อนผันตามสัญญาข้อ 9 ไม่ยึดรถคืน แม้โจทก์จะค้างชำระค่าเช่าซื้อติดต่อกันถึง 3 งวด ดังนั้น เมื่อต่อมาโจทก์ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อติดต่อกัน 4 งวด ก็ยังไม่ถือว่าโจทก์ผิดสัญญาเช่าซื้อ จำเลยยังไม่มีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ หากจำเลยมีความประสงค์จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ จำเลยต้องบอกกล่าวไปยังโจทก์ก่อนโดยให้ระยะเวลาโจทก์พอสมควร การที่พนักงานของจำเลยยึดรถคืนจากโจทก์เนื่องจากโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อติดต่อกัน 4 งวด โดยไม่มีการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ แม้จำเลยจะทำได้โดยถือว่าจำเลยไม่ยอมผ่อนผันตามสัญญาข้อ 9 อีก แต่ข้อที่จำเลยอ้างว่าได้บอกกล่าวให้ชำระหนี้และบอกเลิกสัญญาโดยชอบแล้วนั้น ได้ความว่า จำเลยได้มีหนังสือทวงถามให้โจทก์ชำระหนี้ที่ค้างชำระจำนวน 67,215 บาท ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าเลิกสัญญาตามหนังสือลงวันที่ 6 สิงหาคม 2542 ในข้อนี้โจทก์ได้นำสืบว่า วันที่ 13 สิงหาคม 2542 โจทก์นำแคชเชียร์เช็คของธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน) จำนวน 31,000 บาท ไปชำระให้จำเลยอันเป็นการชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระภายในกำหนดที่บอกกล่าวแล้ว ทั้งผู้รับมอบอำนาจช่วงจำเลยที่ตอบทนายโจทก์ถามค้านยอมรับว่าโจทก์นำเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระทั้งหมดจำนวน 31,000 บาท ไปชำระให้จำเลยจริง ส่วนที่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมรับอ้างว่าโจทก์ชำระน้อยกว่าจำนวนหนี้ที่ค้างชำระและอ้างว่ามีดอกเบี้ยจากการชำระล่าช้ารวมกับค่าติดตามรถและค่าแอร์ส่วนที่เหลือก็ได้ความว่าโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อ 4 งวด เป็นเงินเพียง 24,400 บาท เท่านั้น ไม่ปรากฏข้อสัญญาว่ายอมให้คิดดอกเบี้ยจากการชำระค่าเช่าซื้อล่าช้า จำเลยยึดรถคืนขณะโจทก์นำรถมาสอบถามเกี่ยวกับค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยเสียค่าติดตามรถคืน และค่าแอร์ส่วนที่เหลือก็ไม่ปรากฏตามสัญญาหรือข้อนำสืบของจำเลยว่า โจทก์ค้างชำระจริง จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกให้โจทก์ชำระหนี้นอกจากค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระได้ การที่จำเลยไม่รับชำระค่าเช่าซื้อโดยไม่มีเหตุจะอ้างตามกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาต่อโจทก์ การบอกเลิกสัญญาของจำเลยไม่ชอบ สัญญาเช่าซื้อยังไม่เลิกกัน โจทก์ผู้เช่าซื้อชอบที่จะครอบครองใช้ประโยชน์จากรถยนต์คันที่เช่าซื้อต่อไป จำเลยต้องส่งมอบรถคืนโจทก์ เมื่อจำเลยไม่รับชำระค่าเช่าซื้อและไม่คืนรถให้โจทก์โดยไม่มีเหตุที่จะอ้างได้ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายตามฟ้องแย้งได้

มีปัญหาประการต่อมาว่า จำเลยต้องรับผิดชำระเงินให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 หรือไม่ เพียงใด เห็นว่า สัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาต่างตอบแทนที่โจทก์มีสิทธิใช้ประโยชน์จากรถยนต์ที่เช่าซื้อแต่จะต้องชำระค่าเช่าซื้อเป็นการตอบแทน และข้อเท็จจริงได้ความว่าขณะจำเลยยึดรถคืนนั้นโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 47 ถึงงวดที่ 50 รวม 4 งวด ซึ่งตามสัญญาข้อ 9 ระบุให้จำเลยมีสิทธิยึดรถคืนได้ในกรณีผู้เช่าซื้อค้างชำระค่าเช่าซื้อโดยไม่ต้องบอกเลิกสัญญา การที่จำเลยยึดรถคืนแสดงว่าจำเลยไม่ยอมผ่อนผันให้โจทก์อีก จึงไม่ทำให้โจทก์เสียหายจากการใช้รถ แม้ต่อมาโจทก์จะนำค่าเช่าซื้องวดที่ 47 ถึงงวดที่ 51 จำนวน 31,000 บาท ไปวางสำนักงานวางทรัพย์ก็เป็นเพียงทำให้โจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยส่งมอบรถคืนเพื่อปฏิบัติตามสัญญาต่อไปเท่านั้น และหลังจากงวดที่ 51 แล้วโจทก์ไม่ได้ชำระค่าเช่าซื้อให้จำเลยอีก ซึ่งศาลฎีกาได้กำหนดค่าเสียหายในกรณีที่หากจำเลยไม่ส่งมอบรถคืนให้โจทก์แล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถเป็นรายวันนับแต่วันที่จำเลยยึดรถคืนได้อีก ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดค่าเสียหายในส่วนนี้มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน

อนึ่ง จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 4 และขอให้พิพากษาตามฟ้องแย้ง ดังนั้น ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาในส่วนของฟ้องเดิมจึงเท่ากับจำนวน 180,800 บาท ต้องเสียค่าขึ้นศาลจำนวน 4,520 บาท และทุนทรัพย์ในส่วนของฟ้องแย้งจำนวน 79,000 บาท ต้องเสียค่าขึ้นศาลจำนวน 1,975 บาท รวมเงินจำนวน 6,495 บาท แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลมาเป็นเงินจำนวน 9,400 บาท เกินมาจำนวน 2,905 บาท จึงให้คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินแก่จำเลย

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยส่งมอบรถยนต์หมายเลขทะเบียน น - 6721 มุกดาหาร ที่เช่าซื้อคืนโจทก์เพื่อปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อต่อไปในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี โดยให้ถือว่าเงินที่โจทก์วางที่ศาลจำนวน 30,500 บาท เป็นการชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 47 ถึงงวดที่ 51 หากคืนรถยนต์คันที่เช่าซื้อไม่ได้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 100,000 บาท คำขออื่นให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เสียเกินจำนวน 2,905 บาท แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 207 ถ้าลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำระหนี้ และเจ้าหนี้ไม่รับชำระหนี้นั้นโดยปราศจากมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัด

มาตรา 369 ในสัญญาต่างตอบแทนนั้น คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะไม่ ยอมชำระหนี้จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะชำระหนี้ หรือขอปฏิบัติการชำระหนี้ก็ได้ แต่ความข้อนี้ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้าหนี้ของคู่สัญญาอีกฝ่าย หนึ่งยังไม่ถึงกำหนด
มาตรา 387 ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้ อีกฝ่ายหนึ่งจะกำหนด ระยะเวลาพอสมควร แล้วบอกกล่าวให้ฝ่ายนั้นชำระหนี้ภายในระยะเวลานั้นก็ได้ถ้าและฝ่ายนั้นไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนดให้ไซร้อีก ฝ่ายหนึ่งจะเลิกสัญญาเสียก็ได้

มาตรา 572 อันว่าเช่าซื้อนั้น คือสัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์สิน ออกให้เช่า และให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้น หรือว่าจะให้ทรัพย์สิน นั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า โดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจำนวน เท่านั้นเท่านี้คราว
สัญญาเช่าซื้อนั้นถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ ท่านว่าเป็นโมฆะ

ทนายความประชาชน
ชมรมปรึกษาคดีฟรี ทั่วประเทศฯ (ช ป.ท.)
hello! I am an admin of the People's Lawyer - Free Legal Consultation Club Nationwide (Chor.Por.T.A.) giving advice - like a relative - free of charge, call or add Line 089 214 2456
สวัสดี! ฉันเป็นแอดมินของทนายความประชาชน - ชมรมปรึกษาคดีฟรีทั่วประเทศฯ (ช.ป.ท.) ให้คำปรึกษา- ดุจญาติมิตร - ไม่คิดค่าใช้จ่าย โทร.หรือ แอดไลน์ 089 214 2456


X
STILL NOT SURE WHAT TO DO?
We are glad that you preferred to contact us. Please fill our short form and one of our friendly team members will contact you back.
Form is not available. Please visit our contact page.
X
CONTACT US